ใบปัดน้ำฝน เอซีเดลโก้
ใบปัดน้ำฝน ACDelco Wiper
หน้าฝนของทุกปี ผู้ใช้รถทุกท่านคงจะมีข้อสงสัยต่างๆของใบปัดน้ำฝนของรถที่ใช้งานอยู่ว่ายังสามารถใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ และจะมีวิธีการดูแลใบปัดน้ำฝนกันอย่างไร เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เราจึงมาคุยกันถึงเรื่องของใบปัดน้ำฝน
"ใบปัดน้ำฝน" จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน เพราะทำหน้าที่ปัดน้ำ, ปัดเศษใบไม้, แมลง, เศษดินโคลน หรือแม้กระทั่งฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกบังลมหน้าและหลัง (หรือในรถบางรุ่นมีติดตั้งที่ไฟหน้ารถด้วย) ให้หลุดออกพร้อมทำความสะอาด เพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นดูแลให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา
โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานตามปกติของใบปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพจะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปจะละเลยการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนแม้ใบปัดน้ำฝนจะเสื่อมสภาพแล้วก็ตาม ซึ่งการใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพนั้นอาจจะส่งผลเสียไปถึงชิ้นส่วนอื่นๆได้ อีกเช่น กระจกหน้ารถอาจจะเป็นรอยได้ นอกจากนั้นหากใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพในช่วงที่ฝนตกหนักจะยิ่งทำให้ทัศนวิศัยในการขับขี่แย่ลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปัจจัยที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ได้แก่ ความร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาสะสมอยู่ในกระจก ซึ่งจะทำให้ใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง กรอบ เสียความยืดหยุ่นและเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ อีกสาเหตุหลักเกิดจากการใช้งานเช่น กรณีที่ฝุ่นจับที่ยางปัดน้ำฝนก็จะเกิดความสึกหรอขึ้นได้ เหมือนการเอากระดาษทรายไปขัดกระจกและยางปัดน้ำฝน
สำหรับวิธีการสังเกตว่าถึงได้เวลาหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน โดยดูง่ายๆ ว่าการทำงานของใบปัดน้ำฝนนั้นปัดสะอาดหรือไม่ ลักษณะของการปัดน้ำฝนไม่สะอาดเนื่องจากการใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ หรือติดตั้งผิดวิธี คือ เกิดละอองน้ำเป็นสันครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น หลังจากที่ปัดกระจกแล้วยังมีละอองน้ำเป็นเส้นสันครึ่งวงกลม หรือเป็นม่านบนกระจกและมัว เกิดจากการใช้ยางปัดที่มีอาการแข็งจนกรอบแตก ทำให้ไม่สามารถปาดน้ำจากหน้า กระจกได้สะอาดไม่สามารถจะรีดเอาน้ำออกจากกระจกได้หมด อีกอาการคือ มีเสียงดังรบกวน ใบปัดจะมีเสียงดังเอี๊ยดๆ และมีอาการกระตุกขณะทำงานซึ่งเกิดจากการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับหน้ากระจก
วิธีการดูแลใบปัดน้ำฝน แม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะไม่ได้ใช้งานเป็นประจำก็มีโอกาสชำรุดหรือเสื่อมสภาพได้ เช่น การจอดรถตากแดดนานๆ เป็นประจำจะทำให้ยางปัดน้ำฝนแข็งกรอบ ขาดความยืดหยุ่น เพราะยางต้องแนบกับกระจกที่รับความร้อน กรณีเช่นนี้จึงมีหลายท่านสงสัยว่า ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดไม่ได้ การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นจะดีหรือไม่ ขอบอกว่าการยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างไว้ทุกวันๆ บ่อยๆ จะทำให้สปริงที่ก้านใบปัดน้ำฝนมีโอกาสเกิดอาการล้า ผลคือ แรงกดบนกระจกบังลมลดลง อาจทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลง ซึ่งหากเปรียบเทียบกันระหว่างราคาค่าเปลี่ยนสปริงกับใบปัดน้ำฝน แล้วค่าเปลี่ยนสปริงจะสูงกว่าราคาใบปัดน้ำฝนมากเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าเลือกได้ควรเลือกจอดรถในร่มน่าจะดีกว่า และหมั่นตรวจเช็คสภาพความพร้อมและทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งมีเทคนิคง่ายๆ คือ ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรรีบจัดหาเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะนอกจากจะปัดไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้เกิดเสียงดังและสะดุดขณะปัด หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีกด้วย
อีกส่วนที่ต้องดูแลควบคู่ไปกับใบปัดน้ำฝน คือ ถังน้ำที่ใช้สำหรับฉีดกระจกนั้นความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหา น้ำยาอะไรมาผสมลงไป แต่ถ้าท่านต้องการจะ ให้กระจกสะอาดขึ้นเวลาฉีดล้างกระจกที่มีละอองน้ำมัน-เขม่าควันต่างๆ ก็ลองหามาเติมดูสักนิดก็ได้แต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่งว่าน้ำยาที่เติมลงไป นั้นจะต้องไม่เป็นอันตรายกับสีของรถ และเวลาเติมจะต้องผสมกับน้ำให้เข้ากันเสียก่อนที่จะ เติมลงในถังส่วนอีกปัญหาที่พบบ่อยก็คือ เวลาที่ต้องการฉีดน้ำล้างกระจกหน้า แต่น้ำที่พุ่งออกมากลับไปคนละทาง หรือไม่ก็ไปฉีดโดนรถคันข้างๆบ้างหรือฉีดไม่ออกแค่ไหลเอื่อยๆอยู่ที่ปากท่อ เท่านั้นถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องตกใจเพราะท่านเพียงแค่ตั้งรูหัวฉีดเสีย ใหม่ ให้ตรงกับหน้ากระจกเท่านั้นวิธีตั้งก็ไม่ยากแค่หาเข็มหรือจะเป็นปลายไม้ แหลมๆ เสียบเข้าไปที่รูฉีดน้ำแล้วดัดไปทางที่ต้องการโดยลองฉีดน้ำดูเรื่อยๆ เท่านี้ท่านก็ จะได้ล้างกระจกหน้าได้อย่างที่ตั้งใจแล้วยังเป็นการทำความสะอาดหัวฉีดไปใน ตัวด้วยครับ
การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนนั้นก็มีความสำคัญ ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุ และเนื้อยางที่มีคุณภาพดี จะสามารถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรจะทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคัญ ควรพิจารณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในบ้านเรา ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพเร็วภายหลังการใช้งาน เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ (ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แนะนำของแท้ติดรถ)
ข้อสำคัญอีกเรื่องคือ รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน ใน กรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง การเลือกซื้อยางปัดน้ำฝนที่แนบสนิทกับกระจกบังลมหน้า-หลังได้ดี มีความยืดหยุ่นและมีขนาดพอดีกับก้านปัดน้ำฝนเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
สำหรับเรื่องราวของใบปัดน้ำฝน ในเบื้องต้นนี้ก็สามารถทำให้การขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจตลอดหน้าฝนได้ในทุกเส้นทางแล้วครับ
ข้อมูลจาก : http://www.auto-thailand.com/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น